วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความจำสั้น แต่รักฉันยาว



“ความจำสั้น..แต่รักฉันยาว” เรื่องราวความรักของลุงจำรัส (กฤษณ เศรษฐธำรงค์) กับ ป้าสมพิศ (ศันสนีย์ วัฒนานุกูล) ตัวแทนความรักที่อยากจำกลับลืม ลุงกับป้า เป็นคู่รักที่พบกันในชมรมคอมพิวเตอร์เพื่อผู้สูงอายุ ทุกๆ อาทิตย์ลุงจะขับรถจากสวนที่ชุมพรมาเรียนกับป้าที่กรุงเทพฯ เพียงเพื่อจะอยู่ด้วยกันครั้งละ 3 ชั่วโมง นั่นเพราะลูกป้าไม่เห็นด้วยที่แม่ริมีรักใหม่ในวัยนี้ ทันทีที่รู้ว่าครอบครัวจะย้ายไปเมืองนอก ป้าตัดสินใจฮึดหนีลูกไปหาลุงที่ชุมพร โดยที่ไม่รู้ว่าวันและวัยเป็นอีกแรงที่กำลังพรากทั้งคู่ออกจากกัน
ฉากที่ป้าสมพิศหนีลูกไปหาที่ลุงที่สวนผลไม้ ผู้กำกับ สิน-ยงยุทธ ยกกองไปถ่ายทำที่บ้านสวน จ.จันทบุรี ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ใต้ต้นชมพู่มะเหมี่ยว ลุงจำรัส กับ ป้าสมพิศ กำลังกระหนุงกระหนิงนั่งกินทุเรียนกันอย่างเอร็ดอร่อย เก่ง (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) และ ฝ้าย (ญารินดา บุนนาค) รีบบึ่งรถจากกรุงเทพเพื่อมาตามป้าสมพิศกลับบ้าน เพราะลูกของป้าสมพิศกำลังตามหาป้าสมพิศที่หายตัวไป เก่งเลยขออาสามาตามป้าสมพิศกลับบ้าน
ฉากนี้ญารินดาต้องขับรถกระบะพาเป้มาที่บ้านลุง ท่ามกลางแสงตอนเย็นที่กำลังสวย ทันทีที่ญารินดาจอดรถ เป้ก็เดินตามลงมาพร้อมเจ้าสุนัขแสนรู้ สะพานลอย หมามีคิ้วของฝ้ายที่สร้างรอยยิ้มให้กับ 2 นักแสดง และทีมงานในกองถ่าย เป้เห็นลุงกับป้ากำลังกินทุเรียนกันอย่างเอร็ดอร่อย เป้กับญารินดาเลยตามมาสมทบด้วย ญารินดานึกสนุกคิดแกล้งเป้ เลยเอาทุเรียนที่เป้แสนเกลียดป้ายปาก ตามบทในเรื่องนั้น เก่งแสนจะเกลียดทุเรียน แต่ในชีวิตจริงทุเรียนคือผลไม้สุดโปรดของเป้ ขณะที่ญารินดากลับเหม็นทุเรียนแบบสุดๆ แต่ต้องทนกินทุเรียนไปตามบท เพื่อสปิริตของนักแสดง

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สายลับจับบ้านเล็ก




เรื่องย่อ
เบื้องหลังกิจการซ่อมทีวีที่เปิดไว้บังหน้า จ๊อก (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) เป็นนักสืบมือใหม่หน้าละอ่อนที่มีจุดขายไม่เหมือนใครในย่านรามคำแหง
คนอื่นสืบหนี้ สืบหมาหนี สืบคนหาย แต่จ๊อกสืบ “ บ้านเล็ก”!!
เปล่า จ๊อกไม่ได้ฝันอยากเห็นครอบครัวใครๆ สงบสุข ไม่ได้อยากผดุงคุณธรรม แต่จ๊อกกำลังร้อนเงินสาหัสเพราะอุตริออกไอเดียบรรเจิดเปิดร้านหมูกระทะพลังแสงอาทิตย์ตอนหน้าฝน ผลคือเจ๊งตูดบาน โดนแก๊งทหารนอกราชการตามทวงหนี้ยิกๆ จ๊อกจึงต้องผันตัวเองมาเป็นนักไล่จับบ้านเล็ก - บ้านใหญ่ โดยมีไอ้แจ๊ค (แจ๊ค-เฉลิมพล) เด็กร้านซ่อมมอไซค์ที่เข้าใจว่าจ๊อกเป็นนักสืบชื่อดัง กับ ฤทัย (โอปอล์– ปณิสรา) เจ๊ร้านคาราโอเกะที่ชอบมาแทะโลมจ๊อกคอยเป็น “ ตัวช่วย” ยามจำเป็น แม้จะรู้ดีว่าอาชีพนักจับบ้านเล็กมันขัดกับนิสัยใจละลายเป็นช็อกโกแล็ตตากแดดเวลาเห็น ผู้หญิง สวยๆ ของตัวเองชะมัด
แล้วไม่รู้ทำไม น้องหนูบ้านเล็ก 99.99 เปอร์เซ็นต์ ต้องหน้าใสกิ๊ง ดีดดิ้น เร้าใจ ขนาดทำให้ผู้ชายเห็นช้างตัวเท่าหมู เห็นเรื่องหนี้เป็นเรื่องขี้ๆ ทุกที
ความจริงข้อนี้ถือเป็นด่านหินสำหรับจ๊อกทุกครั้งที่ออกปฏิบัติงาน โดยเฉพาะคดีล่าสุด เล่นเอาจ๊อกสมองระบม เรื่องมันเริ่มจากคุณนายอรัญญา(จิ๊บ-จารุภัส) ผู้ว่าจ้างรายใหม่เสนอเงินก้อนโตให้จ๊อกตามจับพฤติกรรมหัวงูของ สารวัตรวศิน (ปั๋ง-ประกาศิต) สามีจอมชิ่งที่ไปติดพัน พริตตี้สาวชื่อเสียวฟันว่า น้องน้ำปั่น (พีค-ภัทรศยา) ใครจะไปรู้ว่าน้องน้ำปั่น เป้าหมายตัวดีดันแอบมีกิ๊กเป็นเสี่ยอดิสรณ์ (สุเมธ องอาจ) เสี่ยเต็นท์รถรายใหญ่อยู่อีกคน
คดีส่อเค้ายุ่งเหยิงยิ่งขึ้น เมื่อคุณหญิงสุวิมล (ท็อป-ดารณีนุช) ภรรยาไฮซ้อของเสี่ยอดิสรณ์จ้าง สุทิน (นิมิต ลักษมีพงศ์)นักสืบมือโหดมาตามแบล็กเมล์น้ำปั่นอีกต่อหนึ่ง จ๊อกตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเพราะนอกจากค่าจ้างกับโบนัสจะล่อใจแล้ว งานนี้ยังถือเป็นการวัดฝีมือกันระหว่าง สุทินนักสืบอุปกรณ์ไฮเทคฯ กับ จ๊อกนักสืบบ้าแก๊ตเจ็ตบ้านหม้อ ที่โคจรมาทับเส้นกันโดยบังเอิญ
ทั้งๆ ที่คดีนี้มันสุดเสี่ยงต่อการแหกกฎเหล็ก “ ห้ามหลงรักเป้าหมาย” แค่ไหน แต่จ๊อกก็อดใจไม่ไหวต้องโดดเข้าใส่ ราวกับคนหลงทางกลางทะเลทรายเจอน้ำแข็งใสใส่แก้วมาวางยั่ว
ก็นั่นดิ นักสืบหัวใจอ่อนไหวอย่างจ๊อกนะหรือจะทานเสน่ห์น้ำปั่นแก้วนี้ไหว
ก็แค่ชื่อ แม่คุณยังน่าดูดปรื้ดเดียว ให้เย็นจี๊ดถึงสมอง!
ข้อมูลจาก http://www.thaicinema.org/kit65sailab.asp

แฝด








ทั่วทุกมุมโลก ล้วนแต่มีการพยายามผ่าตัดแยกแฝดสยามออกจากกันส่วนใหญ่เพื่อช่วยชีวิตคนหนึ่งคนใดคำถามที่เกิดขึ้นในใจทุกครั้งที่อ่านข่าวเหล่านี้ก็คือเมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเลือกคนใดคนหนึ่งไว้ ใครควรเป็นคนเลือกและถ้าถึงเวลาต้องตัดสินใจทิ้งคนใดคนหนึ่งไป เราจะทิ้งใคร
NO ONE WANTS TO BE .....alone
เธอเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของฉัน เป็นความฝันส่วนหนึ่งของฉันไม่มีทางที่ฉันทอดทิ้งเธอไป ไม่มีวันไหนจะพรากจากกัน


เรื่องย่อ
อิหร่าน : กรกฎาคม 2546การผ่าตัดมาราธอน 50 ชั่วโมงล้มเหลว ทีมแพทย์ 28 ชีวิต และผู้ช่วยอีก 100 คน ไม่สามารถยื้อชีวิตของแฝดสกุลไบจานี แฝดสยามชาวอิหร่านวัย 29 ไว้ได้ หลังการพยายามผ่าตัดแยกศรีษะของทั้งคู่ ลาดานเสียชีวิตทันที และในอีก 90 นาทีต่อมา ลาเลห์ก็สิ้นลมตามพี่สาว
ออสเตรเลีย : พฤษภาคม 2544เบ็ททานี โนแลน แฝดสยามที่เกิดมาโดยไม่มีไต เสียชีวิตจากการผ่าตัดแยกศรีษะ และเยื่อสมองของเธออลิสสา โนแลน พี่สาว
บราซิล : ธันวาคม 2543ดิเอโก้ กับ ดิโอโก้ ฝาแฝดบราซิลวัย 10 วัน ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนหลังคลอด ทีมแพทย์ระบุว่าในการผ่าตัดครั้งนี้ ทารกคนใดคนหนึ่งต้องเสียสละตับ เพื่อให้อีกคนมีชีวิตรอดต่อไป
กรุงเทพ : มีนาคม 2540แฝดสยามไทยรอดหนึ่ง ภายหลัง 20 ชั่วโมงในห้องผ่าตัดและอีก 34 ชั่วโมงในอาการโคม่า พิมและพลอย แฝดหญิงตัวติดวัย 15 ที่เข้ารับการผ่าตัดแยกท่องช้องและกระเพาะอาหารเป็นคู่แรกในเมืองไทย ผลปรากฏว่า พิมพี่สาวพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนคนน้องนั้นเสียชีวิต
หลังพลอยตาย พิมเลือกที่จะละทิ้งความเจ็บปวด และความรู้สึกผิดไว้เบื้องหลัง หนีไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่เกาหลี ชีวิตของพิมพคนดำเนินต่อไปอย่างมีความสุขกับผู้ชายที่เธอเลือก ถ้าเสียงโทรศัพท์ในกลางดึกคืนหนึ่ง จะไม่ดึงให้เธอต้องห้วนกลับมาพบความหลังที่เธอทั้งผูกพัน และกลัวสุดขั้วหัวใจ
ข่าวจากเมืองไทยแจ้งว่า แม่ของเธอประสบอุบัติเหตุ พิมจึงรีบเดินทางกลับเมืองไทย แต่ทันทีที่เธอเหยียบย่างกลับเข้าบ้านหลังเก่า ความทรงจำในอดีตที่เธอแกล้งลืมมันไปก็ย้อนคืนมา
พิมกับพลอยเป็นแฝดสยาม



พิมยังจำวันที่เธอต้อง “ เชื่อมติด” กับพลอยด้วยก้อนเนื้ออัปลักษณ์ที่พันธนาการพวกเธอไว้ด้วยกันได้ดี เมื่อย่างเข้าวัยรุ่นพิมเริ่มอึดอัด กับสภาพกึ่งตัวประหลาดนั่น ทำให้เธอร่ำร้องขอเข้ารับารผ่าตัดแยก แม้พลอยจะต่อต้านสุดชีวิต แต่การผ่าตัดเพื่อปลดทั้งคู่ออกจากกันก็เกิดขึ้น และผลของมันก็เลวร้ายสุดทน
ในบ้านหลังเดิมที่พิมเคยอาศัยสมัยเด็ก ข้าวของทุกอย่างของพิมและพลอยยังคงแน่นิ่งอยู่ในที่ของมัน รองเท้าเด็กสองคู่ ตุ๊กตาสองตัว เสื้อผ้าชุดติดกัน เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไม่ไหลผ่านไป พิมเริ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเก่า ๆ อีกครั้ง ความรู้สึกคล้ายมีคนอยู่ข้างกายตลอดเวลา ทุกลมหายใจ
คงจะดีกว่าถ้าพลอยจะเกลียดพิม จนไม่อยากกลับมาอยู่ข้าง ๆ ตัวพิมเหมือนเดิม
ทว่า ...พลอยยังคงอยู่ที่นี่ รอเธอและโกรธเธอ
หรือกระทั่งความตาย ก็ไม่อาจ แยก พลอยจากพิม


เบื้องหลังการถ่ายทำและการเตรียมงาน
ปี 2547 ชัตเตอร์ กดติดวิญญาน สร้างความสั่นสะท้านไปทั่ววงการภาพยนตร์ไทย และถือเป็นผลงานแจ้งเกิดให้กับผู้กำกับคู่หู โต้ง-บรรจง และ โอ๋-ภาคภูมิ ได้อย่างยอดเยี่ยม จากวันนั้นจนถึงวันนี้เกือบ 3 ปีแล้วที่เขาทั้งคู่ร่วมกันทำโปรเจกต์ใหม่ที่ใหญ่ขึ้นตามประสบการณ์ ด้วยความลงตัวที่เหมาะเจาะในการหวนกลับมารับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 15 ปี ของชุปเปอร์สตาร์สาวเสียงคุณภาพ มาช่า วัฒนพานิช บวกทีมงานที่คุ้นเคยอย่าง GTH และผู้ร่วมผลิตที่มีรางวัลระดับโลกการันตีอย่างบริษัทฟีโนมีนา ร่วมด้วยบริษัท เดคดิเคท ผู้ผลิตภาพยนตร์อิสระน้องใหม่คุณภาพคับแก้ว ทำให้ภาพยนตร์เรื่องแฝด กลายเป็นภาพยนตร์ไทยอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกจับตามองตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์
ผู้กำกับเปิดใจ “ หลังจาก จบการโปรโมท ชัตเตอร์ฯ ช่วงที่ตระเวณเดินสายไปรับรางวัลในงานเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ เราก็เริ่มมีไอเดียเรื่องแฝดขึ้นมา ตอนแรกโอ๋เขามาเล่าว่าเจอข่าวในหนังสือพิมพ์
มีข่าวดังเรื่องแฝดสยามของไทยคนหนึ่งมีรูปร่างปกติ แต่อีกคนมีแค่หัว ไม่มีร่างกาย ความรู้สึกแรกที่เห็นจะคล้ายสัตว์ประหลาด แต่รูปนี้กระทบความรู้สึกมาก ทำไมถึงเกิดความน่ากลัวและน่าขนลุกขนาดนี้ ทั้งที่เด็ก2คนนี้หน้าตาน่ารักมากเหมือนกันทุกอย่าง มีแค่ตัวเท่านั้นไม่เหมือนกัน เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการทำหนังเรื่องนี้ หลังจากวันนั้นเราก็อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับแฝดสยามเยอะมาก เราศึกษาว่าแฝดสยามอิน-จัน และฝาแฝด เขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างไร หาข้อมูลทุกอย่างมานั่งดู แฝดทั่วไปเขาจะมีจิตผูกพันกัน มีเรื่องแปลกๆ ที่คนทั่วไปไม่รู้เกี่ยวกับแฝด เราก็คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าประเด็นเรื่องแฝดสยามอยู่ในหนัง Horror Drama เลยปิ๊งไอเดียเรื่องการผ่าตัดแยกกัน ถ้าคนหนึ่งเสียชีวิต จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เหลืออยู่ เพราะเราเคยได้ยินความเชื่อที่เกี่ยวกับเรื่องฝาแฝดว่าเมื่อคนหนึ่งตายไป อีกคนหนึ่งก็จะตายโดนมีสาเหตุคลุมเครือ เป็นแค่ความเชื่อที่น่าสนใจมากเพราะมันมีความเชื่อมโยงบางอย่างที่น่ามหัศจรรย์ ”
เมื่อได้ไอเดีย ที่น่าสนใจแล้ว ผู้กำกับที่ไม่ใช่ฝาแฝดแต่ทำงานด้วยความรู้ใจกันยิ่งกว่าฝาแฝดก็รีบลงมือพัฒนาบทภาพยนตร์ทันที แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อบทที่พวกเขาฟูมฟักมาตลอด 7 เดือนต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ “ ตอนแรกเราพัฒนาบทไปคล้ายๆ ชัตเตอร์ฯ เป็นหนังสืบสวนสอบสวน บทสนุก มีความเป็นพล็อตสูง พล็อตเด่นกว่าตัวละคร แต่เราก็กลับมาคิดว่าทำเรื่องใหม่ถ้าเป็นทางเดิมมันเหมือนย่ำอยู่กับที่ เราก็เลยคิดใหม่ทำใหม่ง าน 7 เดือนที่ผ่านมาก็ทิ้งเลยเริ่มต้นนับ 1 กันใหม่ เดือนแรกเราแทบเอาเท้าก่ายหน้าผากกันเลย แต่ว่าเราก็มากันถูกทาง เราทำหนังเกี่ยวกับแฝดสยาม ประเด็นเรื่องแฝดสยามมีอะไรน่าสนใจ เอามาเล่นเป็นมุขผีได้เยอะ ทางใหม่กว่า ท้าทายกว่า แตกต่างกว่า และน่าสนใจกว่า ”
ประเด็น การคัดเลือกนักแสดงก็นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะได้นักแสดงแถวหน้าอย่างมาช่ามารับบทนำ
“ ตัวละคร ตัวนี้มีสำคัญมากเพราะต้องเป็นตัวนำเรื่องที่ค่อนข้างมีพลัง เราต้องการคนที่มีศักยภาพสูงสามารถเอาหนังทั้งเรื่องอยู่ ในที่สุดก็มาลงตัวที่มาช่า เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นนักแสดงที่มีความสามารถและเหมาะกับบทนี้ ประกอบกับเป็นช่วงที่เขาอยากกลับมาทำงานด้านภาพยนตร์อีกครั้ง ก็ถือว่าเป็นความเหมาะสมที่ลงตัวมาก พอเริ่มทำงานด้วยกันก็ไม่ผิดหวังเลย ยิ่งกว่าที่คิด ไว้ คิดว่าเขาสุดยอดแค่ไหน เขาให้ได้มากกว่านั้น มาช่าทุ่มเท ทำการบ้านอย่างหนัก พวกผมเขียนบทมาประมาณหนึ่ง แต่เวลากำกับจะมีทิศทางที่ชัดเจนพอสมควร แต่มาช่าเป็นคนที่ input ให้เราอีกหลายเท่า เขาเป็นคนเข้าใจหนังและช่วยคิดช่วยทำให้ดีกว่าเดิม หนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต จะมีการเล่าย้อนไปถึงวัยเด็กของมาช่ากับฝาแฝดเยอะมาก ซึ่งมาช่าเขาก็จะขอเทปช่วงวัยเด็กที่ถ่ายทำแล้วทั้งหมดไปดูด้วย เพื่อจะได้รู้เรื่องราวและตีความตามที่นักแสดงแฝดรุ่นเด็กเล่นไว้ ”


นอกจาก ซีนทางอารมณ์ต่างๆแล้ว แฝด ยังมีฉากแอ็คชั่นที่น่าตื่นเต้นอีกไม่น้อย แถมมาช่ายังออกตัวขอเล่นเองทุกฉากแบบไม่กลัวอันตรายเลยทีเดียว “ มีฉากที่มาช่าต้องขับรถชนแล้วต้องหัวกระแทกกับพวงมาลัย เราบอกให้กระแทกแบบพองาม ปรากฏว่า มาช่าเอาหัวกระแทกจริง คนอัดเสียงบอกว่าเสียงดังมาก แล้วเล่นไป 3 เทค เขาชนจริงหัวโนแดงมาก บางฉากแอ็คติ้งโค้ชเขาจะเตือนว่า มาช่าล้มไม่ได้นะ มันจะอันตรายมาก เจ็บมาก แต่มาช่าจะฟังว่าพวกผมต้องการอะไรไม่ร่วมเถียง พอเราบอกว่าโอเคพร้อมถ่าย สุดท้ายเขาทำอย่างที่พวกผมบอกอย่างที่พวกผมต้องการหมดทุกอย่าง บางทีเถียงกันอยู่ เขาก็จะช่วยแก้ปัญหาบอกว่าเดี๋ยวทำให้ ทั้งไฟไหม้ จมน้ำ เจ็บตัว หกล้ม ตกบันได ปกติเขาจะไม่เอานักแสดงหลักมาเล่นฉากเสี่ยงแบบนี้ มันอันตรายมาก มาช่าก็กลัวนะแต่เขาขอเล่น อยากให้งานออกมาดีที่สุด บางซีน อินเซิร์ทมือ อินเซิร์ทขา แต่ต้องใช้อารมณ์ต่อเนื่องจากการแสดง เห็นแค่มือยังรู้ว่าเขาเล่นดีมาก เขาเป็นสุดยอดแห่งความทุ่มเท ทุกครั้งที่เล่นจบ ทุกคนในกองจะปรบมือให้เสมอ ”
นับเป็น ความโชคดีของพวกเขา ที่ได้นักแสดงคุณภาพมาช่วยขับเคี่ยวให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้มข้นขึ้น แต่อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าความสามารถของนักแสดง นั่นก็คือฉากต่างๆในภาพยนตร์ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี และก็นับเป็นโชคดีซ้ำซ้อนที่พวกเขามีโอกาสได้ร่วมงานกับโปรดักชั่นดีไซน์ระดับเซียน
“ บ้านที่สร้าง เราได้พี่ตั้ม (ศักดิ์ศิริ จันทรังษี) โปรดักชั่นดีไซน์ที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประประเทศผู้สร้างสรรค์ผลงานของภาพยนตร์เรื่อง Invisible wave ทวิภพ ฯลฯ มาทำบ้านให้ เรื่องนี้บ้านคือหัวใจและเป็นอดีตของตัวละคร ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนพระเอกอีกคนหนึ่ง จากบทต้องเป็นบ้านยุคโคโลเนียล สมัยยุครัชกาลที่ 7 ภายในตัวบ้านมี 10 ห้อง สร้างใหม่ทั้งหลังเซทใหม่ทั้งหมดสวยมากเขาต้องมานั่งคิดโครงการ เพราะมันไม่ใช่แค่สร้างบ้านธรรมดาต้องสวยและสามารถอยู่ได้จริงทุกห้อง ที่สำคัญต้องแข็งแรงด้วย เพราะมันต้องเผาจริง เผาแล้วต้องไม่ถล่ม ต้องเซฟนักแสดง และทีมงาน แต่สุดท้ายต้องเผ่าบ้านทิ้งทั้งหมด เพราะมีซีนไฟไหม้บ้านทั้งหลัง จะเห็นว่าบ้านเซทมาขนาดนี้ ไฟไหม้ก็ต้องเต็มที่ บางฉากไฟสวยซะจนมีคนถามว่าทำ ซีจีหรือเปล่า แต่ไฟในหนังเรื่องนี้เป็นไฟไหม้จริงทั้งหมด เราได้ทีมไฟมืออาชีพที่เคยทำ Black Hawk down – Hollywood มาทำให้ เราก็เลยได้ฉากไฟไหม้ที่อลังการ และยืนยันว่าไหม้จริง และตัวแสดงก็ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย ทุกคนต้องอยู่ในไฟและไม่มีอะไร 100 เปอร์เซ็นต์ที่จะมาควบคุมไฟได้ ต้องรอบคอบกันมากๆ ซึ่งพอตอนถ่ายทำจริงๆ บางคนไม่เคยเห็นไฟเยอะขนาดนี้มาก่อน ตากล้องแทบจะทิ้งกล้องกันเลย ถ่ายวันแรกผมเข้าไปนั่งอยู่ในห้องข้างๆ ที่จะถ่าย พอมันไฟมันไหม้ขึ้นมาแล้วมันร้อนมาก จนเราอยู่ไม่ได้ ทีมงานที่ไม่จำเป็นต้องออกมาจากเซททั้งหมด เหลือแต่ทีมที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น เฉพาะฉากไฟไหม้อย่างเดียวก็ถ่ายทำกัน 6 - 7 วันแล้ว เห็นในหนังไม่นาน แต่ว่าถ่ายทำแต่ละ shot มันยากมาก ”
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีความยากและซับซ้อนมากยิ่ง แต่ก็ดูเหมือนว่าความยากเหล่านั้นไม่สามารถบั่นทอนความมุ่งมั่นของผู้กำกับรุ่นใหม่แต่คู่เก่าอย่างพวกเขาให้ลดน้อยลงได้ ตรงกันข้ามพวกเขายิ่งเพิ่มความท้าทายลงไปในงานของตัวเองมากขึ้น
“ สำหรับ หนังเรื่องนี้ ผมรับรองว่าคนที่เคยชอบชัตเตอร์ฯจะไม่ผิดหวังกับแฝด เพราะความสนุกบน ความระทึกขวัญและ ความตื่นเต้นที่เคยได้รับ ในเรื่องนี้ยังครบถ้วน เพียงแต่เราเพิ่มความลึกและความเข้มข้นของดราม่าเข้าไปอย่างเต็มที่ มันโตขึ้นในรายละเอียด ”
ถือว่า เป็นหนังที่รวมเอาความสุดยอดมาอยู่ร่วมกันได้มากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนภาพยนตร์จะสุดยอดแค่ไหนพวกเขาพร้อมจะให้ทุกคนเข้าผ่าแยกผลงานของพวกเขาได้อย่างละเอียดแล้ว และไม่ว่าผลของการผ่าแยกจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็พร้อมที่จะฟังผลนั้นด้วยใจจดจ่อ


มาช่าเผยความยากลำบากกับบทบาทใหม่
ไม่ น่าเชื่อว่าผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว ที่นักแสดงมากความสามารถอย่าง มาช่า วัฒนพานิช ไม่ได้แสดงภาพยนตร์ ทั้งๆที่แจ้งเกิดมาจากภาพยนตร์ แต่กลับไปโลดแล่นและโดดเด่นในวงการเพลง จนกลายเป็นศิลปินที่มีเพลงฮิตติดปากคนทั้งประเทศมากที่สุดคนหนึ่ง การกลับมาแสดงฝีมือบทจอเงินครั้งนี้ จะเข้มข้น เข้าขั้น และฮิตติดตาคนทั้งประเทศได้มากแค่ไหน เธอพร้อมให้พิสูจน์
“ ช่า รับบทเป็นพิม บทบาทจะค่อนข้างโรคจิตเล็กๆ เพราะเกิดจากความกดดัน และความรู้สึกผิดที่ต้องผ่าตัดแยก จนทำให้แฝดอีกคนหนึ่งต้องสียชีวิต จนบางทีดูเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่อาจจะทำอะไรในมุมที่แปลกๆ เพราะฉะนั้นการแสดงระหว่างที่ถ่ายทำไม่ต้องคิดถึงซีนหัวเราะเลย มากที่สุดก็จะเป็นยิ้มแค่นั้น เพราะหนังมันจะตื่นเต้นตลอดเวลา แต่สิ่งที่ยากกว่าสำหรับตัวช่าคงเป็นเรื่องของการแสดงให้พร้อมกับเทคนิค นื่องจากหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญ เพราะฉะนั้นมันจะต้องมีเทคนิคอะไรต่างๆเข้ามาประกอบด้วย แล้วพวกเทคนิคเหล่านี้จะค่อนข้างยาก ต้องใช้ความพร้อมและจังหวะเดียวกัน บางทีนักแสดงแสดงได้ แต่แสดงกับเอฟเฟกต์ไม่ได้ มันก็จะทำให้ทำงานยากขึ้น ในแง่ของการแสดงช่าไม่ได้ห่างหายไปไหน เพราะว่าช่าก็เล่นละครหรือทำอะไรอยู่ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมาเจอหนังเรื่องนี้ช่ารู้สึกว่าน่าสนใจดี แล้วการกลับมาเล่นภาพยนตร์ ช่าพบว่ามันเปลี่ยนไปเยอะมาก รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์มากขึ้นเพราะว่าแสงที่จัดหรือความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับแสงและภาพมันสวยและให้ความรู้สึกจริงกว่า เป็นอะไรที่คลาสสิค รู้สึกว่าดีใจมากที่ตัวเองได้กลับมาเล่นภาพยนตร์อีกครั้งหนึ่ง และยังได้ร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพที่ทำด้วยแล้วมีความสุข แม้ว่ามันจะเหนื่อยมาก เพราะว่าช่านำเรื่องอยู่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่ามันก็เป็นความเหนื่อยที่ไม่ได้ทุกข์ใจแต่กลับทำให้รู้สึกมีความสุข ”
นอกจาก จะได้แสดงความสามารถแบบเต็มที่แล้ว มาช่า ยังต้องแสดงร่วมกับ อั๋น-วิทยา ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อภาพยนตร์เรื่องนี้


“ สำหรับ การแสดงกับคุณอั๋น-วิทยา เราก็เคยร่วมงานกันมาก่อนแต่ว่าเป็นมิวสิควีดีโอ ซึ่ง ระยะเวลามันสั้น ๆ เราก็จะยังไม่คุ้นเคยกันมากนัก แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ เราต้องเล่นเป็นสามี-ภรรยา ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ต้องมีความสนิทสนมกัน ต้องซ้อมด้วยกันบ่อย ๆ เพื่อให้รู้สึกว่าการจับการสัมผัส การคุยอะไรกันต้องไม่เคอะเขิน สักพักหนึ่งพอเข้าทางกันได้ก็ยิ่งสนุก ถ้าถามว่าหนังจะให้อะไรบ้าง ช่าคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ได้เลยคือความสยอง ขวัญ แน่ ๆ เพราะมันเป็นเมนของหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว แล้วด้วยความที่ผู้กำกับ โต้ง-โอ๋ เขาเคยฝากผลงานอย่างชัตเตอร์ฯมาแล้ว เท่าที่ช่าดูมันน่ากลัวมากนะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เขาทั้งสองคนก็เต็มที่กับมันมาก ในแง่ของการแสดงช่า เชื่อว่านอกจากความน่ากลัวแล้ว ช่าพยายามแสดงบทบาทของตัวละครนี้ให้มีความเป็นดราม่า มีเนื้อเรื่องด้วย ไม่ใช้วิ่งกลัวผีไปวันๆ ช่าคิดว่าหนังทุกวันนี้ นอกจากจะสยองขวัญแล้ว มันน่าจะมีโรแมนติกหรือความเป็นดราม่าอยู่ในนั้น ซึ่งตรงนี้ช่าก็พยายามถ่ายทอดความรู้สึกของพิมออกมาให้ดีที่สุด ถ้ามีเกียร์ 5 หนังเรื่องนี้ช่าเข้าเกียร์ 6 เลย คือกดเต็มแมคเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ช่าคาดหวัง คืออยากจะให้คนที่ไปดูตรงนั้นได้ดูหนังเรื่องนี้ แล้วรู้สึกเต็มอิ่มกับมัน ดูเสร็จแล้วออกมาประทับใจกับสิ่งที่เราได้ทำตลอดระยะเวลาเกือบปี ”

แฟนฉัน


ภาพแห่งอดีต จริงๆ แล้วมันไม่เคยจากไปไหน มันอาจจะซุกอยู่ที่ซอกหนึ่ง ในลิ้นชักความทรงจำ และอยู่อย่างนั้นมาตลอด จนความทรงจำใหม่ๆ เข้ามาทับ เข้ามาซ้อน ดันมันไปจนสุดลิ้นชัก แต่เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินเพลงอย่างนี้แว่วมา หรือเห็นรูปภาพสีเหลืองๆ แดงๆ เก่าๆ ความทรงจำในครั้งนั้น ก็เหมือนถูกมือซนๆ หยิบมันออกมาปลุกให้กลับมามีชีวิต... อีกครั้งหนึ่ง
ทุกคนคงมีภาพความทรงจำในวัยเด็กกันทั้งนั้น เหมือนกันในรูปแบบ ต่างกันในรายละเอียด มีสิ่งที่ชอบเล่นเหมือนกัน ผู้ชายอาจจะมีขี่จักรยาน เป่ากบ ผู้หญิงอาจจะมีกระโดดยาง เล่นขายของ ...แต่ผมมีทั้งสองแบบ บางคนอาจจะขลุกอยู่หน้าจอทีวี กับลีลาสุดเท่ของยอดมนุษย์ หรือจอมยุทธจากหนังจีนกำลังภายใน ในขณะที่บางคนอาจจะชอบใช้ชีวิตนอกบ้าน เที่ยวเล่นจนตัวดำ ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กลับมาอีกทีก็เมื่อฟ้ามืด ...แต่ผมเป็นทั้งสองแบบ บางคนอาจจะมีเพื่อนเป็นแก๊งค์ลิงทะโมนอยู่กลุ่มใหญ่ ที่พากันดื้อซนจนแม่ๆ เอือมที่จะด่า ในขณะที่อีกคนกลับมีเพื่อนน้อยมาก เพื่อนที่ซี้ที่สุดอาจจะมีแค่คนเดียว และเป็นเด็กผู้หญิงแก่นกะโหลกด้วยก็มี ...และผมก็มีทั้งสองแบบ
น้อยหน่า คือชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้น เธอเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ยังเล็ก เพราะบ้านเราอยู่ติดกัน แถมละแวกบ้านเรา ยังไม่ค่อยมีเด็กวัยเดียวกันอีก เราจึงเล่นด้วยกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการละเล่นแบบผู้หญิง พวกกระโดดยาง เล่นขายของก็ตาม ผมก็สนุกที่จะเล่นกับเธอ จนกระทั่ง...ผมเริ่มโต เริ่มอยากเล่นแบบเด็กผู้ชายที่มันโลดโผนบ้าง ถึงขนาดไปขอเข้าแก๊งค์เด็กผู้ชาย ที่เป็นคู่อริกับน้อยหน่าก็ยอม พวกมันยื่นคำขาด ให้ผมพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายให้มันเห็น ลูกผู้ชายที่เข้มแข็ง สามารถเอาชนะศัตรูได้ และศัตรูของพวกมันก็คือน้อยหน่า และเด็กๆ ผู้หญิงละแวกนั้น ...ผมยอมทำ นั่นทำให้น้อยหน่าโกรธผม และอาจจะถึงขั้นเกลียดเลยก็ได้ และที่สำคัญก็คือ ผมไม่มีโอกาสได้ขอโทษเธอ เพราะไม่กี่วันต่อมา เธอก็ย้ายบ้านไปที่อื่น คนละจังหวัดกัน และไม่ได้เจอเธออีกเลย
วันนี้ เธอส่งการ์ดงานแต่งงานมาให้ที่บ้านผม สิบกว่าปีที่เราไม่ได้เจอกัน เธอยังจำเพื่อนคนแรกของเธอได้ ลิ้นชักของเธอคงเป็นระเบียบกว่าของผมเยอะ ไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน หรือว่าเห็นหน้าผมแล้วเธออาจจะงง ว่าไอ้ชายหนุ่มคนนี้ เป็นคนเดียวกับเด็กชายคู่หูเธอคนนั้นหรือเปล่า แต่ผมก็จะไปงานแต่งงานเธอ เพื่อนซี้เมื่อสิบขวบของผม...แน่ๆ
แฟนฉัน ภาพยนตร์แนวรักโรแมนติก เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก ที่เกิดขึ้นจากการที่ 3 บริษัทบันเทิงไทยอย่าง จีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์ส ที่พรั่งพร้อมด้วยแผนการตลาด และโฆษณา มี ไท เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดจำหน่าย แน่นด้วยประสบการณ์ที่เข้าใจคนดูหนังไทย และ หับโห้หิ้น ฟิล์ม ที่อัดแน่นด้วยทีมงานการสร้างภาพยนตร์ระดับแนวหน้า ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน เพื่อบันทึกไว้เป็นเกียรติประวัติ ทั้ง 3 บริษัทมีมุมมองเดียวกัน คือต้องการให้วงการภาพยนตร์ไทย ได้มีหนังเด็ก น่ารักๆ ใสๆ ให้ผู้ชมได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยความสุข
แฟนฉัน จะทำให้คุณหวนระลึกถึงคืนวันเก่าๆ จากผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงเด็ก ที่ถ่ายทอดเรื่องราว และความทรงจำวัยเด็ก อันแสนสนุกสนานของหลายๆ คน ให้มาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม และทำให้คุณย้อนนึกถึงเรื่องอดีตที่อาจจะลืมเลือน แต่ไม่อาจร้างเลือนไปได้ ให้รื้อฟื้นออกมา พร้อมกับยิ้มไปกับมันได้...
เป็นครั้งแรกของวงการ ที่มีผู้กำกับฯ 6 คน ในนาม กลุ่ม 365 ฟิล์ม กลุ่มคนรักหนังของเพื่อนๆ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ รุ่น 29 วิชาเอกภาพยนตร์และภาพนิ่ง มาทำงานร่วมกัน ซึ่งประกอบด้วย นิธิวัฒน์ ธราธร (ต้น), ทรงยศ สุขมากอนันต์ (ย้ง), คมกฤษ ตรีวิมล (เอส), วิทยา ทองอยู่ยง (บอล), วิชชา โกจิ๋ว (เดียว), อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม (ปิ๊ง) โดยมี จิระ มะลิกุล, ยงยุทธ ทองกองทุน และ ประเสริฐ วิวัฒนานนท์พงษ์ เป็นโปรดิวเซอร์
นอกจากจะมีผู้กำกับฯ ที่มากที่สุดถึง 6 คน ทั้ง 6 คนยังร่วมกันเขียนบท พร้อมกับดึง อมราพร แผ่นดินทอง รุ่นน้องที่เป็นนักเขียนนิตยสารเด็ก มาร่วมเขียนบทอีกด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้มีผู้เขียนบทมากถึง 7 คนด้วยกัน โดยดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น อยากบอกเธอรักครั้งแรก ในเว็บไซต์ นิเทศฯ ด็อต เน็ต ที่บอล (วิทยา ทองอยู่ยง) เป็นคนเขียน
แฟนฉัน นำแสดงโดย เหล่าดาราเด็ก 11 ชีวิต ที่ฉายแววนักแสดงมืออาชีพ อาทิ น้องแน็ค-ชาลี ไตรรัตน์, น้องโฟกัส-โฟกัส จีระกุล, น้องเอิร์ท-สุวรี วรศิลป์, น้องไหม-หัทยา รัตนานนท์, น้องเฟิสท์-มัธณา ใจเย็น, น้องน้ำผึ้ง-ภานุชนารถ สีหะอำไพ, น้องอ๋อง-ธนา วิชยาสุรนันท์, น้องแจ๊ค-เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, น้องอ๊อฟ-อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์, น้องเกตต์-อัญญาฤทธิ์ พิทักษ์ติกุล, น้องหยก-หยก ธีรนิตยาธาร ทั้งหมดมาร่วมสร้างสีสัน จนเหมือนกับจับปูใส่กระด้งกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังได้นักร้อง-นักแสดง ที่เคยโด่งดังสุดๆ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนอย่าง เล็ก-ปรีชา ชนะภัย, ไก่-นิภาวรรณ ทวีพรสวรรค์, ต้น-วงศกร รัศมิทัต และ กบ-อนุสรา จันทรังษี ที่จะมาหวนนึกถึงเรื่องราวสมัยเด็กๆ กัน โดยมาในบทพ่อและแม่ของเด็กๆ และมี ชวิน จิตรสมบูรณ์ หรือ จั๊ก Double U มาเป็นนักแสดงรับเชิญ
และเป็นครั้งแรกของวงการภาพยนตร์ไทย ที่มีการนำเพลงที่เคยโด่งดังในอดีต และยังอยู่ในความทรงจำของคนฟังเพลงยุค `80 มาประกอบภาพยนตร์มากที่สุดถึง 19 เพลง ได้แก่ เพลงประตูใจ, รักคือฝันไป, เป็นแฟนกันได้อย่างไร, รักครั้งแรก ของ สาว สาว สาว, เพลงแฟนฉัน, รักครั้งแรก ของวงชาตรี, เพลงป้ากะปู่, รักบึงเก่า ของวงเพื่อน, เพลงใจเธอใจฉัน ของ 18 กะรัต, เพลงน่าอาย ของวงรอยัลสไปรท์, เพลงหัวใจสลาย ของเดอะฮอตเปปเป้อร์ซิงเกอร์, เพลงสายเกินไป จากวงโอเวชั่น, เพลงคนที่รู้ใจ ของ แหวน ฐิติมา สุตสุนทร, เพลงคอนเสิร์ตคนจน ของวงนกแล, เพลงอย่าดีกว่า ของวงไมโคร, เพลงสาวสวนแตง และ เป็นโสดทำไม ของ สุรพล สมบัติเจริญ รวมไปถึงเพลงเอก จากภาพยนตร์จีนชุดทางโทรทัศน์เรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน และเพลงสากลยอดนิยมในอดีต อย่างเพลง More Than I Can Say
บทเพลงทั้งหมด ถูกนำมาประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างลื่นไหล และลงตัวเหมาะสมกับเรื่องราว ในจำนวนนี้ บางเพลงได้มีการนำมา cover ใหม่ โดยนักร้องศิลปินในปัจจุบัน อาทิเพลงแฟนฉัน โดย AB Normal, เพลงรักครั้งแรก โดย จั๊ก - ชวิน, เพลงป้ากะปู่ โดย ดาจิม และที่พิเศษสุด คือเพลงพิเศษที่แต่งขึ้นมาใหม่ โดยมี ปาล์มมี่ เป็นคนถ่ายทอดบทเพลง เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เพลงที่ 20

เพื่อนสนิท







เพื่อนสนิท แนว : รัก -->กำหนดฉาย : 6 ตุลาคม 2548
2 เดือนที่แล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งรวบรวมความกล้าบอกรัก เพื่อนสนิท...
2 เดือนต่อมา ชายหนุ่มคนเดิมเป็นฝ่ายถูกบอกรักบ้างโดย เพื่อนสนิท ...อีกคน
ความรักของ ไข่ย้อย หนุ่มนักศึกษาศิลปะ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นสองครั้งสองครา ..กับเพื่อนสองคน
ที่เชียงใหม่ ไข่ย้อย (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) คือ หนุ่มเมืองกรุงฯ จากโรงเรียนชายล้วนที่แสนขี้อาย เขาไม่กล้าคุยกับผู้หญิง พูดตะกุกตะกักทุกครั้งที่มีสาวๆ เข้ามาทัก เป็นเหตุให้ต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่เสมอ จนกระทั่งหญิงสาวท่าทางสดใส กระฉับกระเฉงเกินมาตราฐานสาวเหนือทั่วไป เข้ามาสมัครเป็นเพื่อน เธอชื่อ ดากานดา (นุ่น - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ซึ่งสำหรับไข่ย้อย ช่างเป็นชื่อที่แปลก แต่มีเสน่ห์สมตัวเจ้าของเป็นที่สุด ไข่ย้อยแอบหลงรักดากานดา แต่ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท เพราะดากานดามีคนที่เธอรักซึ่ง ไม่ใช่เขา
ที่พะงัน ไข่ย้อย คือ อาร์ติสหนุ่มจากเชียงใหม่ ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเป็นคนไข้ ถึงสถานีอนามัยแห่งเดียวบนเกาะ ไข่ย้อยพลัดตกจากดาดฟ้าเรือขาหัก จากการพยายามขึ้นไปเล่นบทพระเอกมิวสิก ท่ามกลางคนแปลกถิ่นหน้าเข้ม พูดจาเร็วปรื๋อ ไข่ย้อยได้พยาบาลสาวตาโต ยิ้มเก่ง เป็นคนคอยดูแล เธอชื่อ นุ้ย (เอ๋ - มณีรัตน์ คำอ้วน) ซึ่งสำหรับไข่ย้อย รอยไมตรีที่เธอจ่ายให้เขาบ่อยกว่าจ่ายยา ทำให้เขาสมัครเป็นคนไข้ไม่มีกำหนดหายอย่างเต็มใจ
ไข่ย้อยรู้ว่านุ้ยมีใจให้เขา แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท บางทีเธอคงรู้ว่า เขามีคนที่รักซึ่ง ไม่ใช่เธอ
ความรักของคนสามคน เกิดขึ้น สองสถานที่ สองเวลา ความรักของคนคู่ใดจะก้าวพ้นคำว่า เพื่อนสนิท ความรักของไข่ย้อย จะจบลงที่ไหน ภูเขา หรือ ทะเล..
คุณเคยมีเพื่อนหรือเปล่า? แล้วคุณเคยมีเพื่อนรักไหม? ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า คุณเคยแอบรักเพื่อนหรือเปล่าล่ะ? คำตอบของคุณคืออะไร ถ้าคำตอบของคุณคือ "เคย" แสดงว่าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์ทางใจกับใครบางคน คนที่คุณเรียกเขาว่า เพื่อนสนิท คนที่คุณสร้างมิตรภาพกับเขา ด้วยรอยยิ้มในครั้งแรกที่เจอ คนที่คุณยินดีจะสร้างมิตรภาพกับเขาต่อด้วยการชวนไปกินข้าว และคนที่คุณยอมให้เขาเข้ามาจัดการอะไรบางอย่างในชีวิตคุณได้อย่างเสรี คนที่คุณรู้สึกว่าอยากเลิกใช้คำว่า เพื่อนสนิท กับเขาสักที ถ้าคุณพร้อมแล้ว.. รวบรวมความกล้า ชวนเพื่อนสนิทมาพูดความในใจซะ...
จากหนังสือสารคดีท่องเที่ยวยอดเยี่ยม กล่องไปรษณีย์สีแดง ของ อภิชาติ เพชรลีลา เจ้าของรางวัลนายอินทร์ อวอร์ด ที่หลายคนบอกว่า อบอวลด้วยกลิ่นไอรัก มากกว่าหอมกลิ่นสายลมหรือแสงแดด กว่า 1500 กิโลเมตร จากทิวเขาและไอหมอกในจังหวัดเชียงใหม่ สู่ไอน้ำเค็มของหมู่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี กลายมาเป็นภาพยนตร์โรแมนกิ๊ก คอมมาดี้ ฝีมือกำกับฯของ เอส - คมกฤษ ตรีวิมล 1 ในผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน แล้ว เรื่องราวความรักของคนสามคน ที่เกิดขึ้นสองที่ สองเวลา แต่ความรักของคนคู่ไหน จะสามารถก้าวพ้นเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างคำว่าเพื่อนไปได้...
ภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท สร้างโดย บริษัท GMM ไท HUB จำกัด อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารโดย ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, บุษบา ดาวเรือง, วิสูตร พูลวรลักษณ์, จินา โอสถศิลป์ อำนวยการสร้างโดย จิระ มะลิกุล, ยงยุทธ ทองกองทุน, ประเสริฐ วิวัฒนานนท์พงษ์, เช่นชนนี สุนทรศารทูล กำกับภาพยนตร์โดย เอส - คมกฤษ ตรีวิมล บทภาพยนตร์โดย นิธิศ ณพิชญสุทิน ดัดแปลงจากหนังสือสารคดีท่องเที่ยว กล่องไปรษณีย์สีแดง ของ อภิชาติ เพชรลีลา กำกับภาพโดย ปราเมศร์ ชาญกระแส ออกแบบงานสร้างโดย รัชชานนท์ ขยันงาน กำกับศิลป์โดย ธาดร คล้ายปักษี ออกแบบเครื่องแต่งกายโดย สุธี เหมือนวาจา ลำดับภาพโดย วิชชา โกจิ๋ว
เพื่อนสนิท นำแสดงโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ รับบท ไข่ย้อย, นุ่น - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา รับบท ดากานดา, เอ๋ - มณีรัตน์ คำอ้วน รับบท นุ้ย ร่วมด้วย อิศ - อิศยม รัตนอุดมโชค รับบท โก้ เพื่อนเก่าที่ตามมาแสลงใจไข่ย้อยถึงเชียงใหม่, ดัมมี่ - ธนาบดินทร์ ยงสืบชาติ รับบท ฟุเหยิน เพื่อนสนิทเพศชายคู่หูคู่กัดของดากานดา, โอปอลล์ - ปาณิสรา พิมพ์ปรุ รับบท พี่แตน พี่สาวของนุ้ยที่เป็นนางพยาบาลเหมือนกัน

http://movie.sanook.com/movie/movie_10108.php


เป็นเวลาห้าปีแล้วนับแต่เรื่องราวในภาพยนตร์ฮิต The Princess Diaries ได้จบลง ตอนนี้ ความสนุกได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อมีอา (แอนน์ ฮาธาเวย์) ได้เติบโตขึ้นมาเป็นสาวน้อยผู้งดงาม และเตรียมพร้อมที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นเจ้าหญิงแห่งเจโนเวีย แต่ไม่นานหลังจากที่เธอย้ายเข้าไปอยู่ในปราสาทกับสมเด็จย่าแคลริซ (จูลี่ แอนดรูวส์) ผู้ฉลาดเฉลียวและงามสง่าของเธอ เธอก็ได้เรียนรู้ว่า วันเวลาในฐานะเจ้าหญิงของเธอกำลังจะหมดไป มีอาจะต้องถอดเทียร่าออกและสวมมงกุฎแทนที่ ราวกับว่าการเตรียมพร้อมขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติยังวุ่นไม่พอ มีอายังต้องเจอเรื่องเสี่ยงมากขึ้น เมื่อกฎหมายเจโนเวียระบุเอาไว้ว่า เจ้าหญิงจะต้องอภิเษกสมรสก่อนจะขึ้นครองราชสมบัติได้ มีอาจะต้องเจอกับชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่ล้วนแล้วแต่มุ่งหมายจะเป็นสวามีของเธอ การผจญภัยเบื้องหลังการหาตัวพระสวามีของเจ้าหญิงมีอาเต็มไปด้วยความขบขันและความยุ่งเหยิงอลหม่านเมื่อทีมนักแสดงและผู้สร้างเบื้องหลังภาคแรก รวมถึงตัวผู้กำกับแกร์รี่ มาร์แชล ( Pretty Woman, Runaway Bride ) กลับมาสร้างสรรค์คอเมดี้สุดฮาเรื่องนี้อีกครั้ง นักแสดงแอนน์ ฮาธาเวย์ - เจ้าหญิงมีอา จูลี่ แอนดรูว์ส - ราชินีแคลริซ เรนัลดี เฮคเตอร์ เอลิซอนโด - โจเซฟ ฮีทเธอร์ มาตาราซโซ - ลิลลี่ มอสโควิทซ์ คริส ไพน์ - ลอร์ดนิโคลา เดอเวอโรทีมงานผู้อำนวยการสร้าง : วิทนีย์ ฮูสตัน, เดบรา มาร์ติน เชส กำกับการแสดง : แกร์รี่ มาร์แชล
อ้างอิงจาก

princess diary


เรื่องย่อ : เด็กสาวขี้อายจากซานฟรานซิสโก มีอา เธอร์โมโพลิส (แอนน์ แฮธาเวย์) กำลังหัวหมุนกับโลกที่กลับตาลปัตรของเธอ เมื่อเธอได้ทราบความจริงว่า เธอนี่แหละที่เป็นเจ้าหญิงตัวจริงเสียงจริง! และเมื่อเจ้าหญิงรัชทายาทกลับคืนสู่บัลลังก์ของนครเล็กๆ แห่งหนึ่งในยุโรป ที่เรียกกันว่า เจโนเวีย นั้น การเดินทางสุดหรรษาชวนปวดเศียรเวียนเกล้าของมีอาก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเธอได้พบกับราชินี แคลริซ เรนัลดี (จูลี แอนดรูว์ส) อัยยิกาเจ้าระเบียบและน่าเกรงขาม ผู้สอน บทเรียนแห่งการเป็นเจ้าหญิง ให้แก่เธอ ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันตั้งแต่แรกพบ ตัวมีอาเองนั้น เธอไม่มีความคิดที่จะทิ้งชีวิตสามัญ เพื่อมาเป็นผู้ครองนครอันห่างไกลเช่นนี้เลย ขณะที่ราชินีแคลริซคงย้ำเสมอว่าเป็นหน้าที่ของเธอ ดังนั้น ราชินีจอมเข้มงวดจึงตกลงใจที่จะเคี่ยวเข็ญดาวที่ยังไม่เปล่งแสงคนนี้อย่างเต็มความสามารถ และแล้วเพชรในตมก็เปล่งประกาย เมื่อปรากฏว่าเธอปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ในที่สุด เจ้าหญิงจำทนก็ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ว่าเธอจะกลับไปอยู่กับครอบครัว หรือจะละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง เพื่อยอมรับภาระหน้าที่ในราชวงศ์ อันมาพร้อมกับความเป็นเจ้าหญิงแห่งเจโนเวีย