วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

The snow queen นิทานราชินีหิมะ






...ตำนานจะสร้างความทรงจำ ขอให้รักเปนดั่งในตำนาน......ตัวละครจะโลดแล่น ความฝันจะเปนดั่งในตำนาน....
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันหนาวเหน็บ แลปแลนด์ ในปราสาทน้ำแข็งแสนสวยมีราชินีอยู่องค์นึง นางสวยมาก สวยจนใครต่อใครต่างหวังแย่งชิงหัวใจนาง แต่นางไม่มีหัวใจที่จะมอบให้ใครทั้งสิ้น วันคืนผ่านไป หัวใจที่หุ้มด้วยน้ำแข็งของนางก็ยังไม่ละลาย แต่ก็เกิดรอยรั่วในใจนางขึ้น นางต้องการที่จะอุดรอยนั้นซะ"ใครก็ได้ บอกเราที อะไรที่มันหายไป ไม่สิ อะไร ที่เราไม่เคยมีเราเป็นอะไร" เทอพร่ำถามกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ว่าเทอเปนอะไรแต่ก็ไม่มีใครที่จะตอบคำถามเทอได้ทุ่งหญ้าที่เขียวขจี ลายลมที่อบอุ่น เสียงหัวเราะดังสนั่นลั่นทุ่งกว้างความสุขที่ไม่เคยเสื่อมคลายไปจากหมู่บ้านนี้ "คิมแจจุง เราจะมีลูกกันซักกี่คนดี" เสียงหนึ่งดังขึ้น "ห๊ะ" คนถูกถามตกใจ "ชั้นถามว่า ไม่พูดแล้วเขิล" เทอเดินเลี่ยงออกมา"ร้อยคน เทอไหวป่ะล่ะ" เค้าก็เล่นไปกับเทอด้วยคำพุดนั้นทำให้ใบหน้าขาวแดงเถือก"บ้า" เทอตั้งใจจะวิ่งหนีเค้า แต่ก็ถูกมือที่แข็งแกร่งรั้งเอาไว้"จะหนีไปไหน ไม่ให้ไป เอาหอมทีนึง" เค้ารวบเทอไว้ในอ้อมกอดแล้วประทับริมฝีปากไว้บนแก้มใสนั่น"ไม่เอา เด๋วใครมาเห็น" เทอพยายามดันหน้าหนี แต่ใจจริงก็ดีใจที่เค้าทำอย่างนี้"ไม่เห็นต้องอายเลย อีกทีนะ มิเร" เสียงหัวเราะของคู่รักดังแข่งกับเสียงนกร้อง ได้ชื่อว่าตำนาน ก็คงจะไม่มีทางที่จะไม่มีที่แห่งนี้''ป่าอาถรรพ์''ไม่หนาว ไม่อบอุ่นแต่บรรยากาศที่นี่ มันอ้างว้าง โหวงเหวงความเงียบที่ทำให้ไม่มีใครเข้ามากร้ำกราย"มีความสุขกันนักหรือไง พวกโสโครกรอยยิ้มพวกแกก้แค่หน้ากากที่ใส่หากันยิ้มกันไปเถอะ อีกไม่นาน พวกแกจะยิ้มไม่ออก ชิส์"เสียงสบถดังลั่นป่า สัตว์ดุร้ายนานาชนิด เมื่อได้ยินถึงกับรีบเข้าไปซ่อนตัว เพราะอะไรน่ะเหรอเพราะยัยแม่มดเนมยอน โกรธเข้าแล้วล่ะสิหิมะที่ตกตลอดทั้งปี ลมหนาวที่ไม่เคยจากประเทศนี้ไปตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นทุกที...โดดเดี่ยว ความเหงา รู้สึกอย่างนั้นไหม..."ใครน่ะ ใครพูด"...ข้าลืมไป ท่านไม่มีความรู้สึก..."นั่นใคร บอกเรามานะ ใคร"...ความรัก นั่นคือสิ่งที่ท่านโหยหา..."ความรักคืออะไร เจ้ารุ้ได้ไง เจ้าเป็นใคร"...ท่านไม่รู้จักมัน เพราะท่านไร้ความรู้สึก..."บอกเราเด๋วนี้ เจ้าเปนใคร"...ทิศใต้ ดินแดนแห่งความอบอุ่น ท่านจะได้พบมัน ความสุข ท่านจะไม่พบความเหงา ความหนาว มันจะเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย..."เจ้าบอกข้ามาก่อน ว่าเจ้าเปนใคร แล้วที่นั่นมันที่ไหน"...คู่แท้ของท่าน รอท่านอยู่ ไปเถิดราชินี เจ้าจะได้พบมัน ความรัก...เหงื่อโชกเต็มหน้าใบหน้ารูปไข่ ใช่ เทอฝันไปแต่นั่นมันช่างเหมือนความจริง ทิศใต้งั้นเหรอ ...ราชินีเชื่อในคำยุของคนในฝัน นางเดินทางออกไปทางทิศใต้วันเวลาผ่านไปแสนนาน อากาศที่เปลี่ยนไป มันก็ไม่ได้ทำให้ราชินีหวั่น วันแล้ววันเล่าที่เทอเดินทางไปโดยลำพังเผชิญอุปสรรคมากมาย แล้วเทอก็ได้พบ ดินแดนที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าที่เขียวขจี เหมือนจะมีอะไรที่เทอไม่มี หรือว่ามันจะเปนความสุข..ราชินีฮีซอล ซอล หิมะ ความหนาวเย็นที่เป็นเพื่อนเทอมาตั้งแต่เยาว์วัยและมันจะไม่มีวันจากเทอไป ฮี ความปราถนา เทอกำลังต้องการมันเทอโหยหา เทอปราถนา ความรัก



เคยมีใครบอกไหมว่าเวลาทำอะไรถ้าผลลัพธ์มันเปน0 อย่าทำมัน เพราะไม่แน่สิ่งที่ตอบแทนจริงๆ อาจจะติดลบก็เปนไปได้ราชินีเดินทางไปยังหลายดินแดน เธอออกจากแลปแลนด์ ดินแดนแห่งหิมะ บ้านเกิดของเธอออกไปไปอย่างไม่รุ้ทิศทาง หวังแค่ว่า หัวใจจะเปนคนนำทางเธอแล้ววันนั้นก็มาถึง หมดแล้วการรอคอย เธอได้พบกับมันสิ่งที่เทอใฝ่หามาตลอด ความอบอุ่น..."มิเร มิเรรอชั้นก่อนสิ" เสียงเรียกตามหลังหญิงสาวมาติดๆ"มีอะไรอีกล่ะ ชั้นบอกว่าอย่าเดินตามไง" เธอรำคาญเค้ามากทั้งๆที่เธอมีคนรักอยู่แล้วแท้ๆ แต่เค้ากลับตามตื้อเธออยุ่ได้"คือ ชั้นจะบอกเธอว่า ไปเก็บดอกไม้กัน" เค้าหยิบยื่นรอยยิ้มที่สดใสให้เธอ"ชั้นไม่ว่างล่ะ นายไปคนเดียวเถอะนะ ชองยุนโฮ " เธอบอกลาเค้าแล้วเดินไป"ชั้นก็รู้ ว่าเทอให้เวลากับเค้าคนเดียว" เสียงพึมพำในลำคอของเค้าแสดงถึงอารมณ์ที่โดดเดี่ยว เค้ารักเธอ แต่เธอ ไม่แม้แต่จะเปิดใจให้เค้า"แจจุง แจจุง" เสียงเรียกทำให้คนถูกเรียกหันไปตอบรับ"ครับคุณลุง" แจจุงเดินออกมาจากบ้าน "ลุงวานไรหน่อยสิ ช่วยไปเก็บดอกไม้ให้ลุงหน่อย ป้าแกอยากได้"ชายชราว่ายวานชายหนุ่ม"ได้ครับคุณลุง" สำหรับเค้า ลุงก็เหมือนพ่อของเค้า เค้าจึงรีบไปเก็บ''ร้อน ทำไมที่นี่ร้อนอย่างนี้เนี่ย แล้วเราจะเดินไปทางไหนต่อดีเอ๊ะ นั่นอะไรน่ะ สวยจัง'' ราชินีฮีซอลเดินเข้าสู่ทุ่งดอกไม้กว้างเพราะแลปแลนด์เปนดินแดนที่หิมะจะตกตลอดปี จึงไม่มีดอกไม้ใดมีชีวิตอยู่ได้''กินได้ไหมนะ'' ด้วยความที่ไม่รู้จัก เธอเด็ดมันเข้าปาก''อร่อยนี่นา นึกว่าจะแย่ซะอีก'' ราชินีเดินเก็บดอกไม้กินไปเรื่อย"คุณป้าชอบดอกไม้สีม่วงนี่นา เก็บไปเยอะๆดีกว่า" ชายหนุ่มเดินเก็บดอกไม้ไปเรื่อย ตาก็มองไปเห็นหญิงสาวคนนึง ทำท่าทางประหลาดอยู่"คุณ คุณครับ" เค้าเรียกเธอ''อะไรกัน ผู้ชายคนนี้'' เธอหันไปหาเค้า ทั้งๆที่ปากยังคาบดอกไม้อยุ่"เฮ้ยย กินไปได้ไง" เค้ารีบวิ่งไปเอาดอกไม้ออกจากปากเธอ ใจก็คิดอยู่ว่าคงจะเป็นคนสติไม่ดี แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ ก็ยิ่งเห็นความงาม ที่น่าหลงใหล''...'' เธอมองเค้าตาไม่กระพริบ"ผลหล่อเกินไปเหรอครับ" ทำไมเธอถึงมองเค้าตาไม่กระพริบเธอสวยมาก สวยที่สุดเท่าที่เค้าเคยเหนมา แจจุงตกใจที่ตัวเองมองผู้หญิงตาไม่กระพริบอย่างนี้ ขนาดมิเรเค้ายังไม่มองขนาดนี้เลย"เป็นใบ้เปล่าวะเนี่ย" แจจุงตั้งคำถามขึ้น"ไปอยู่กับชั้นไหม" คำพูดแรกที่ดังออกจากปากเรียวเล่นเอาแจจุงตกใจจนเกือบทำตระกร้าดอกไม้หล่นจากมือ"คุณว่าไงนะครับ ล้อกันเล่นน่า" เค้าฉีกยิ้มให้เทอ"คุณอยากได้อะไร ชั้นหาให้คุณได้นะ ไปอยู่กับชั้น"คำพูดที่ไร้ความรู้สึกดังขึ้นอีกครั้ง ฮีซอลเดินเข้าไปจับใบหน้าสวยของคนข้างหน้า"เฮ้ยยๆๆ ผมว่าคุณไม่สบายแล้วล่ะ แล้วเจอกันนะครับ"เค้าถอยตัวออกจากฮีซอล แล้วพยายามเดินจากไป"ชั้นต้องการใครซักคน" คำพูดที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะดุดเค้าหันไปมองเธอ ใจจริงเค้าก็รู้สึกสงสารเธอ เหมือนเธอจะไม่มีการแสดงอะไรออกมา แต่แววตาเธอก็ดูเศร้าหมอง"เอ่อ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" แจจุงเลือกที่จะเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง บอกได้เลยว่าเค้าเองก็ห่วงผู้หญิงที่เพิ่งเจอคนนี้เหมือนกัน"คุณชื่ออะไร" คำพูดที่ไร้ความรู้สึกถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง แต่เค้าก็ไม่เลือกที่จะเลี่ยงมัน"คิมแจจุงครับ" เค้าบอกเธอ เค้าส่งรอยยิ้มที่อบอุ่นให้เธอ"แจจุง!!" ร่างเล็กในชุดสีชมพูปลิวสไววิ่งขึ้นมาบนเนิน"มิเร" แจจุงเอ่ยชื่อคนรัก ฮีซอลหันมองไปตามเสียงนั้น"นั่นใครน่ะแจจุง""ไม่รู้สิ เหมือนเธอจะไม่สบาย""ไม่สบายตรงไหน มองตาเป็นมันเลย" มิเรเสียดสีฮีซอลถึงฮีซอลจะไม่มีความรู้สึก ก็ใช่ว่าเธอจะไม่ตอบโต้"มนุษย์ป่าเถื่อนขี้เหล่อย่างนี้ยังมีอยู่บนโลกนี้อีกเหรอ" ฮีซอลพึมพำขึ้น"เธอว่าใคร" มิเรโกรธ เธอวิ่งเข้าไปกะทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้ามแต่ก็ถูกแจจุงห้ามไว้ก่อน"ไปกันเถอะมิเร" แจจุงจับมือแฟนสาวแล้วเดินไป"ไม่ไปอยู่กับชั้นจริงๆเหรอ" เสียงพูดดังตามหลังทั้งคู่ไปแต่มันก็กลืนไปกับสายลมที่อบอุ่นเจอแล้วล่ะ สิ่งที่รอคอยและเฝ้าหามาตลอด รอยยิ้มนั้นมันทำให้หัวใจของราชินีเต็มเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจทั้งชีวิตเธอไม่เคยแม้แต่จะพบมัน รอยยิ้มที่พ่อและแม่ให้มันไม่ได้ให้ความสุขกับเธอเลย แต่วันนี้ เมื่อเจอเค้าพอได้เห็นรอยยิ้มของเค้า เห็นสายตาคู่นั้น ได้รับรู้ถึงกลิ่นไอของเค้า ราชินีมั่นใจแล้วล่ะ ว่าผู้ชายคนนั้นผู้ชายที่ชื่อคิมแจจุง คือคนที่เธอเฝ้าหามาตลอดและเค้าก็จะเป็นคนสอนให้เธอรู้จักคำว่า ความรู้สึก...ในหมู่บ้านแนวเชิงเขา แจจุงเดินมาส่งมิเรที่บ้านระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้น"แจ ชั้นพูดตรงๆนะ ชั้นยังไม่หายติดใจเรื่องผู้หญิงคนนั้น"มิเรเริ่มต้นพูดขึ้น "ผมบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจริงๆ" แจจุงพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจบรรยากาศที่เงียบสงัดกำลังจะถูกทำลายลง"มิเรเชื่อแจนะ แต่ผู้หญิงคนนั้นสวยมากอ่ะ มิเร มิเระ" เธอเอามือขึ้นมากุมหัว บางทีเธอเองก็คิดว่าเธอคิดมากไปเอง แล้วมันก็อาจจะทำให้เค้ารำคาญเธอ"มิเร ไม่เอาน่า ยังไงผมก็รักคุณคนเดียวนะ" ชายหนุ่มสวมกอดหญิงสาวร่างเล็กในอ้อมอกยิ้มออกอย่างดีใจ เธออยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะความรักเพราะเธอรักเค้ามาก เธอถึงหวง ไม่อยากให้ใครพลากเค้าไป"วันหลังชวนมิเรไปด้วยสิ ดอกไม้สวยมากเลยนะ วันนี้มิเรว่างๆ เหงาจะตาย" ร่างบางในอ้อมอกอ้อนเค้า แจจุงก้มลงจูบหัวมิเรเบาๆด้วยความรัก การกระทำของทั้งสองทำให้ความผูกพันยิ่งแนบแน่น แต่มันกลับทำให้อีกคนที่มองอยู่เจ็บปวดตามไปด้วย ..ทั้งๆที่เค้าเอ่ยปากชวนเธอ แต่เธอกลับบอกว่าไม่ว่าง เค้ารู้ตัวว่าเธอไม่มีใจให้เค้าเลยมิเร ซักวัน ขอร้องล่ะ ซักวันเธอจะมองชั้นอย่างคนรักได้ไหม มองชองยุนโฮคนนี้ได้ไหม...เช้าวันใหม่ แจจุงรีบออกมาจากบ้านแต่เช้าโดยที่ไม่ได้บอกใครว่าไปไหน เค้าวิ่งตรงขึ้นไปบนเนินเขา เพื่อที่จะไปเก็บดอกไม้ให้มิเร "คุณ ยังไม่กลับบ้านเหรอ" แจจุงประหลาดใจมากเค้าพบกับผู้หญิงเมื่อวาน เธอยังอยู่ในที่ๆเดิมไม่ไปไหน"ชั้นคิดว่าคุณจะมาอีก" "เอ่อ บ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมพาไป" เค้าเสนอตัวไปส่งเธอ"แลปแลนด์" เธอพูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน"ที่ไหนนะครับ" แจจุงไม่ได้ยิน เค้าเขยิบตัวเข้าไปใกล้"มันไกลมาก ชั้นยังกลับไม่ได้" เธอเปลี่ยนคำตอบที่จะบอกเค้า"แล้วผมช่วยอะไรคุณได้บ้าง" เค้าไม่กล้าที่จะช่วยเหลือเธอคงเพราะความสวยเลยทำให้เค้ายังอายอยู่"ไปกับชั้น" เธอยังไม่เลิกตื้อเค้า สายตาของเธอเริ่มทำให้เค้าใจอ่อน"งั้นคุณไปพักที่บ้านผมก่อน แล้วค่อยว่ากัน" แจจุงเลือกที่จะพาเธอไปที่บ้าน เค้าเองก็กลัวมิเรจะโกรธ แต่เค้าก็ไม่อยากทิ้งผู้หญิงคนนี้ไว้คนเดียว"นี่ๆ เห็นแจจุงไหม" มิเรเดินถามคนรอบหมู่บ้าน แต่ก็ไม่มีใครเห็นเค้า"แล้วเห็นยุนโฮหรือป่าว " จากปกติที่ตาบ้านั่นต้องมาตามตื้อเธอทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่เห็นเค้า"ยุนโฮเหรอ อืม ถ้าจะเจอยุนโฮ ต้องไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวง เค้าจะไม่ออกมาให้ใครเห็นหรอก" ชาวบ้านบอกกับมิเร แปลก ทั้งๆที่ยุนโฮอยู่หมู่บ้านนี้มาจะปีแล้วแต่เธอกลับไม่เคยสังเกตุ"ขอบใจนะ" เธอเดินกลับไปที่บ้านของแจจุงแจจุงพาฮีซอลไปที่บ้าน เค้าอาศัยอยู่คนเดียวลุงกับป้าของเค้าอยู่ข้างๆบ้าน ชายหนุ่มเดินไปรินชาใส่แก้ว แล้วยื่นให้หญิงสาว"คุณชื่ออะไรครับ" แจจุงนั่งลงแล้วถามเธอก่อนที่จะจิบน้ำชา"ฮีซอล ปาร์คฮีซอล" "หิมะ ฟังดูอบอุ่นจังเลยครับ" เค้ายิ้มออกมาเพียงแค่รอยยิ้มนั้นก็ทำให้เธอยิ่งปราถนาในตัวเค้ายิ่งขึ้นไปอีก"ไปกับชั้นไหม ที่นั่น ที่บ้านของชั้นมีหิมะเต็มไปหมด" เธอใช้สายตาอ้อนวอนเกลี้ยกล่อมเค้าแจจุงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเธอ"เอ่อ ผมว่าคุณดื่มชาให้หมดก่อนดีกว่า"แล้วเค้าก็เงียบไป"แจ!!" มิเรวิ่งเข้ามาในบ้านเมื่อเห็นท่าทีว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว"เธอ แจผู้หญิงคนนี้" มิเรหันไปถามคนรัก"ฮีซอลน่ะ บ้านเธออยู่ไกล ผมเลยให้เค้าอยู่ด้วยกันก่อน" มันยากที่จะพูดคำพูดทั้งหมดออกมาเค้ารู้ว่ามิเรไม่พอใจ แต่เค้าจะทำยังไงได้ "ไม่เป็นไรค่ะ แจจุง ชั้นเข้าใจ ฮีซอลชั้นชื่อมิเรนะ" มิเรยิ้มให้ฮีซอล ฮีซอลเข้าใจว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตรนัก"แลปแลนด์" คำพูดที่ออกมาจากปากคนที่เงียบมาตลอด"เธอพูดถึงที่ไหนนะฮีซอล " มิเรยื่นหน้าเข้าไปใกล้"บ้านของชั้น แลปแลนด์" "ชั้นว่าเธอไปนอนดีกว่าไป" มิเรดึงตัวฮีซอลมาจากแจจุงไม่ใช่ว่าเธออยากดูแลผู้หญิงคนนี้ แต่เธอไม่อยากให้ฮีซอลมาทำร้ายความรักของเธอ ทั้งๆที่เธอรู้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้คืนนั้นฮีซอลนอนที่บ้านของมิเรมิเรอาสาที่จะดูแลฮีซอลจนกว่าเธอจะไป ราชินีผู้ทรงสง่าตื่นขึ้นจากภวังค์เธอไม่อยากให้เวลามันผ่านเนิ่นนานไปกว่านี้เธอตรงไปที่บ้านของแจจุง ใครว่าเวทย์มนต์คถาไม่มีจริง ในดินแดนแห่งหิมะแลปแลนด์ ที่ซึ่งทุกคนคิดว่ามันเป็นเพียงแค่นิทานป่าอาถรรพ์ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ที่เหล่านั้นเต็มไปด้วยเวทมนต์คถาและความลี้ลับแม้เวทย์มนต์จะช่วยอะไรได้หลายอย่างแต่มันก็ไม่อาจช่วยให้ใจของชายคนนี้รักเธอไม่อาจช่วยให้เธอเจอความรักไม่อาจช่วยให้เธอเข้าใจถึงความรักราชินีรีบพาตัวแจจุงกลับไปไปที่แลปแลนด์............
ราชินีฮีซอลลักพาตัวแจจุงมาที่แลปแลนด์เวลาผ่านไปหลายค่ำคืนแล้ว แต่มนต์ที่เป่าลงไปกลับยังไม่เสื่อมคลาย ชายหนุ่มยังไม่ฟื้นจากมนต์สะกด ราชินีร้อนใจกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรเธอรีบตรงเข้าไปที่ป่าอาถรรพ์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากนางแม่มดเนมยอนก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูไม้ผุๆดังขึ้นกลางป่าที่เงียบสงบสัตว์ร้ายมากมายที่เกรงต่ออำนาจของราชินีถอยหลบกันไป"อ้าว ข้าก็นึกว่าใคร ราชินีฮีซอลผู้สวยงามนี่เอง"นางแม่มดใกล้ลงโลงออกมาต้อนรับหญิงสาว"เจ้าเคยไปเข้าฝันเรา ใช่ไหม" ด้วยความชาญฉลาดของราชินีเธอจึงได้ทราบ ราชินีเดินเข้าไปในบ้านไม้เก่าผุๆ กลิ่นและบรรยากาศภายในมีแต่กลิ่นเหม็นเน่า หนู แมลงสาปมากมายวิ่งกันให้เกลื่อนกลาด เธอเดินไปที่เก้าอี้ที่ดูจะสะอาดที่สุดแล้วย่อนตัวลง"เค้ายังไม่ฟื้นจากมนต์ใช่ไหมราชินี" นางแม่มดพูดขึ้นแต่ราชินีฮีซอลก็ไม่ได้แปลกใจเลยที่นางจะรู้ ก็นางเป็นแม่มดนี่นา"เราจะทำยังไงดี" นางแม่มดเดินไปที่หม้อยา ดวงตาที่ชี้ขึ้นเพ่งมองราชินีที่มาขอความช่วยเหลือ"ท่านปากเหม็นไปหรือเปล่า เขาถึงยังไม่ฟื้นน่ะ"นางแม่มดยั่วอารมณ์ราชินี เส้นเลือดบนใบหน้าของหล่อนเด่นชัดขึ้นมา นางแม่มดเองก็หลงรักแจจุง นางต้องการให้ราชินีไปพาตัวมาเพื่อนางจะได้ลักตัวไป แต่ในเมื่อราชินีมาขอความช่วยเหลือ นางจึงคิดแผนขึ้นมา"เอางี้ดีกว่าราชินี ท่านเอายานี่ไปให้ผู้ชายคนนั้นกิน แล้วเค้าจะฟื้น"แม่มดเนมยอนยื่นหลอดที่ภายในบรรจุยาเอาไว้ให้ราชินีฮีซอล"เราไม่คิดว่าเจ้าจะให้เราฟรีๆหรอกนะ" ราชินีไม่ยื่นมือเข้าไปรับเธอซักถามก่อนที่จะหลวมตัว"ก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่ข้อแลกเปลี่ยนมันต้องต่อไปจากนี้สิแม่มดแสยะยิ้มแล้วยัดหลอดยาใส่มือราชินี"หวังว่ามันคงไม่เกินความสามารถของเราหรอกนะ"เพราะแม่มดเป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อไม่ได้ นางจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ"หึหึ แน่นอนราชินี" แม่มดพูดทิ้งท้ายก่อนที่ราชินีจะเดินออกไป"มันเกินกว่าที่เจ้าคิดไว้แน่นอน ฮีซอล" อย่างงี้น่ะสิ ราชินีถึงไม่ค่อยอยากไว้ใจแม่มดเนมยอน แม่มดอย่างเนมยอนเป็นพวกสับปรับ ที่ราชินียอมข้อตกลงก็เพราะจะต้องรีบไปช่วยแจจุง ความรักที่กำลังเกิดขึ้นในใจเธอทำให้เธอไม่ระวังตัวแล้วข้อแลกเปลี่ยนของนางแม่มดเนมยอนจะเป็นอะไรกันนะไม่ใช่แค่ราชินีเท่านั้นที่กำลังกระวนกระวายใจอีกฝั่งนึงของโลก ก็มีอีกคนที่กำลังว้าวุ่นอยุ่กับชายคนรักที่ถูกพาตัวไปอีกซีกโลกแล้วเช่นกัน"ยุนโฮ นายเห็นแจจุงไหม" ร่างเล้กวิ่งตรงไปถามชายหนุ่มที่กำลังผ่าฟืนอยู่"ไม่ได้อยุ่บ้านเหรอ ชั้นก็ไม่เห็นมาสองสามวันแล้วนะ" เค้าตอบเธอด้วยรอยยิ้ม"ช่างเหอะ นายมันจะไปรู้อะไร หมกตัวอยู่ในบ้านทำไมล่ะวันนั้นอ่ะ"มิเรถามยุนโฮ เธอห่วงแต่แจจุง โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนที่ถูกถามอยู่เลย"อ่อ ไม่มีอะไรหรอก " ยุนโฮพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามเธอ"ทำตัวอย่างกับมนุษย์หมาป่า" มิเรประชดแล้วเดินออกจากบ้านยุนโฮไปมันทำให้ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยเลย"โชคดีนะ" คำอวยพรที่ออกมาจากริมฝีปากของคนที่เป็นห่วงเธอแต่มันกลับไม่ส่งไปถึงเธอเลย มิเรกลับสู่ดินแดนแลปแลนด์อีกครา ราชินีหิมะวิ่งไปที่ห้องพักของชายหนุ่ม แต่สิ่งที่เธอพบ กลับกลายเป็นว่า เค้าได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว แม้ความพยายามที่ไปเอายาของเธอจะไม่ได้มีความหมายอะไรแต่เธอก็รู้สึกดี ที่เค้าฟื้นขึ้นมาแจจุงมองมาที่หญิงสาว ดวงตาที่เหม่อลอยของเค้าต้องสะดุดลงเมื่อไหร่เธอ ผู้หญิงที่เขาเจอแล้วรับมาดูแล ตอนนี้เธอยืนอยู่ข้างหน้าเขาในที่ที่ไม่คุ้นเคย ความหนาวเย็นที่เขาสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่บ้านเกิดของเขาเมื่อเขาระลึกความทรงจำได้ เขาพยายามที่จะหนีเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณเขาพยายามที่จะวิ่งออกไปจากห้องนั้น แต่ก็ไปไม่รอด สภาพร่างกายของเขายังไม่พร้อมที่จะหนีไปพอ ราชินีเดินไปที่ร่างที่ล้มลงนั้น เธอประครองชายหนุ่มขึ้นมาแล้วพยุงไปที่เตียง เธอปล่อยร่างของแจจุงลงบนเตียงแล้วจัดผ้าให้เรียบร้อย"ที่นี่คือแลปแลนด์ ที่เธอบอกใช่ไหม" แจจุงยิงคำถามไปที่ร่างสง่าข้างหน้าราชินีหันสายตาที่ว่างเปล่าไม่เคยมีอะไรมาที่เขา"พักผ่อนซะ ร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ" น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความห่วงใยบอกกับชายหนุ่ม เธอยื่นน้ำอุ่นให้เค้า แล้วเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ชายหนุ่งตกลงสุ่ห้วงนิทราอีกครั้งข่าวที่เพิ่งกระทบหูของยุนโฮ ทำให้เขาต้องรีบไปที่บ้านของหญิงที่แอบรัก ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังหญิงสาวมือหนาจับร่างบางนั้นไว้"นายทำอะไรของนายน่ะยุนโฮ ปล่อยชั้นนะ" มิเรดิ้นออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม"ไม่ เธอจะไปไหนมิเร" ยุนโฮไม่ยอมละอ้อมกอดออกจากหญิงสาว"ชั้นจะไปแลปแลนด์ ชั้นจะไปตามแจจุงกลับมา" คำพูดนั้นทำให้ร่างสูงผ่อนแรงมือ มิเรเลยออกจากกันรัดกุมไปได้"แจจุง อีกแล้วเหรอ" น้ำเสียงสั่นเครือถามหญิงสาว มิเรพยายามหลบสายตายุนโฮ เธอรุ้ว่าคนตรงหน้ามีความรุ้สึกดีดีให้เธอมากแค่ไหน เพียงแต่ว่าเธอไม่กล้าที่จะเปิดใจให้เขาเพราะกลัวความรักที่มีให้แจจุงมันจะจางลง มิเรหันหลังกลับไป เธอก้าวเดินออกไป ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าแลปแลนด์มันอยุ่ที่ไหน ด้วยความรักและความเป็นห่วง ยุนโฮออกเดินทางไปพร้อมกับมิเร โดยที่เขาเองลืมคิดถึงวันพระจันทร์เต็มดวงไปเลย
มิเรและยุนโฮออกเดินทางตามหาแจจุงทั้งๆที่ไม่รุ้ว่าแลปแลนด์อยู่ทิศใดของโลกมิเรคิดแค่ว่า ความรักของเธอจะนำทางไปหาคนที่เธอรักเอง ความเศร้าหมองที่เธอแสดงออกมานั้น ทำให้ชายหนุ่มที่เดินทางมากับเธอรู้สึกแย่ลงไป"มิเร ผมว่าพักหน่อยดีไหม" ยุนโฮถามหญิงสาด้วยความเป็นห่วง ทั้งคุ่ออกเดินทางกันมาทั้งคืนแล้ว แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับไม่แสดงท่าทางเหนื่อยล้าออกมาเลย มันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกเป็นห่วงเธอมากขึ้น"ไม่ล่ะ ถ้าเราพักมันก็ต้องเสียเวลามากขึ้นไปอีกชั้นไม่อยากไปสาย ป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรแจไปถึงไหนแล้วก็ไม่รุ้" ยุนโฮเข้าใจความเป็นห่วงของเธอ แต่เค้าเองก็เป็นห่วงเธอเช่นกัน คิดแล้วก็สงสัยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงต้องพาตัวแจจุงไป"แต่เธอจะไม่สบายเอาได้" ความเป็นห่วงของชายหนุ่มมันไม่ทำให้มิเรหมดความพยายามไปเลย สายตาที่อ้อนวอนคู่นั้นจับจ้องไปที่หญิงสาว ด้วยความใจอ่อนทำให้มิเรยอมหยุดพักร่างสูงที่ตื่นจากภวังค์ รีบหาวิธีเอาตัวรอด เขายังมีคนที่รักรออยู่แจจุงวิ่งออกมาจากปราสาท ด้านหน้าเค้ามีแต่หิมะขาวโพลนมองไปทางไหนก็ไม่เห็นอะไรนอกจากหิมะและความหนาวเย็นเค้าไม่ละทิ้งความพยายาม ทั้งๆที่อุส่าออกมาได้ขนาดนี้แล้ว จะถอยหลังกลับไปก็กระไรอยู่ แจจุงวิ่งไป วิ่งไปโดยไม่รู้จุดหมายดูเหมือนบรรยากาศจะไม่อำนวยกับชายหนุ่ม หิมะโถกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เสื้อผ้าน้อยที่ไม่หนามากของเค้าทำให้ความรู้สึกหนาวเกินขึ้นอย่างรวดเร็ว...รนหาที่ตายแท้ๆ คิมแจจุงขาทั้งสองข้างหมดแรงลง ร่างสูงทรุดตัวลงท่ามกลางหิมะหนาใบหน้าที่ซีดเซียว ริมฝีปากเปลี่ยนจากสีแดงอิ่มเป็นสีแดงที่แทบจะขาว ร่างกายสั่นไหว ก่อนที่ความรู้สึกสุดท้ายจะวูบไป เสียงๆนึงก็เข้ามาในโสตประสาท ร่างที่เหมือนกำลังก้มมาคุยกับเค้า"ไปนอนเล่นในหิมะทำไม แจจุง"แค่กๆ แค่กๆ เสียงไอดังก้องในห้องกว้าง ทำให้ร่างบางรีบเดินตามเสียงนั้นไป"ชั้นจะกลับบ้าน แค่กๆ" คนที่ไม่หายจากเชื้อหวัดดื้อรั้นจะกลับบ้าน ราชินีประคองตัวของแจจุงขึ้น แล้วป้อนน้ำอุ่นเข้าปาก"ไม่ มะ...อื้มๆ .." ร่างสูงดิ้นบนตักของฮีซอล น้ำที่ป้อนเข้าปากกำลังทำให้เค้าสำลัก"ก็กินให้มันดีดีสิ" เพราะเธอไม่พูดอะไรออกมาทำให้เค้าไม่รู้ถึงใจเธอ ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่เวลาผ่านไปไม่กี่วัน แจจุงก็หายดี เค้าเลือกที่จะไม่หนีไปแต่เค้าจะแก้ปัญหาที่ตัวปัญหา แจจุงเดินทั่วปราสาท เพื่อตามหาตัวราชินีฮีซอล ถึงตอนนี้เค้าเองก็ทราบสถานะของหญิงสาวแล้ว แต่เค้ากลับแปลกใจ ว่าทำไมในปราสาทนี้ถึงไม่มีใครเลย"เค้ากลับไปบ้านกันหมดน่ะ อีกสองวันคงกลับมา"เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังเค้า เหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยุ่"เอ่อ เธอ " แจจุงสะดุ้งกับร่างที่กำลังเดินเข้ามา"หายดีแล้วเหรอ" น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกแต่มันกลับแฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"หายดีแล้วล่ะ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหน่อย"ภายในห้องโถง อากาศก็ไม่ได้อบอุ่นไปกว่าข้างนอกเลยแจจุงที่ยังรับอากาศของที่นี่ไม่ได้ ถึงกับหนาวสั่นไปทั้งกายฮีซอลที่เห็นชายหนุ่มสั่นเพราะความหนาว จึงเดินไปหยิบเสื้อขนเฟอร์มากระชับกายให้เค้า"มีอะไรจะคุยกับเรา.." เสียงที่ไม่กล้าที่จะพูดออกมาเป็นฝ่ายเริ่มต้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่โต้ตอบคำพูดอะไรออกไปเขาเฝ้านั่งมองหน้าเธอผ่านไปหลายนาที....เขาก็ยังมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์อยู่อย่างนั้น"คุณพาตัวผมมาทำไม" ในที่สุดความเงียบก็ยุติลง แจจุงพุ่งคำถามใส่ราชินี แต่คำตอบที่กลับมามันก็ทำให้เค้าเงียบไปได้อีกนาน ...ไม่รู้...คนสองคนที่กำลังออกเดินทางไปทุกสารทิศตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้วทั้งสองแวะพักที่โคนต้นไม้ใหญ่ ร่างสูงร้อนใจมาก อีกไม่กี่วันก็วันพระจันทร์เต็มดวงอีกครั้งแล้ว มันคงจะยุ่งมาก ถ้าเค้ายังไม่พ้นเขตป่า"มิเร เธอรักแจจุงมากเลยเหรอ" คำถามที่ไม่สมควรจะถามถูกถามขึ้น ยุนโฮก็น่าจะรุ้ว่าไม่ควรเอ่ยชื่อแจจุงขึ้นมาอีก แค่นี้เธอก็เจ็บพอแล้ว"มากสิ ไม่งั้นชั้นคงไม่ออกมาตามหาเค้าอย่างนี้หรอกแจอ่ะ เป็นเพื่อนชั้นมาตั้งแต่สมัยเด็กเลยล่ะ มีอะไรเค้าก็ช่วยชั้นตลอด..........."คำพูดที่กำลังยกย่องชายที่เป็นศัตรูหัวใจของเค้ากำลังถูกถ่ายทอดออกมาจากใจหญิงอันเป็นที่รักทำไมนะ ... ทำไมชองยุนโฮคนนี้ ถึงได้รู้สึกว่าซองมิเร ไม่ได้รัก คิมแจจุง......อย่างคำว่าคนรัก
ความเงียบสงบภายใต้ห้องโถงใหญ่ที่หนาวเย็นคำตอบที่ทำให้ชายหนุ่มไม่คำพูดที่จะต่อกลับทั้งสองได้แต่นั่งมองตากันแจจุงหลบสายตาออกมา เค้าลุกขึ้นแล้วเดินไปหาอะไรอุ่นๆมากินปราสาทที่ทำจากน้ำแข็ง ถ้าเป็นที่เมืองของเค้า มันคงจะละลายทับเค้าไปแล้ว แต่ที่นี่ ถึงโลกจะร้อนกว่านี้ พระอาทิตย์จะใกล้กว่านี้เท่าไร มันก็คงไม่ละลาย เหมือนกับใจของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงนั้นแจจุงเดินกลับมานั่งที่เดิม เขาสังเกตุเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ละสายตาไปเธอคิดอะไรอยู่นะฮีซอล...HeeSul TalK....นี่ใช่ไหมที่ใครเค้าเรียกว่าความรัก หรือว่าไม่ใช่ฉันเป็นอะไร ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ การที่ฉันพาตัวเค้ามาที่ๆสะดวกสบายกว่ามันไม่ดีเหรอ แล้วเค้าจะเป็นคนบอกฉันใช่ไหมว่านี่คือรักหรือเปล่าแจจุง ในหิมะมันมีอะไรหรือไง ทำไมถึงไปนอนอยู่ในนั้นทำไมถึงมองชั้นอย่างงั้นล่ะ สายตาอย่างงั้นมันคืออะไรทำไมถึงไม่เหมือนกับที่มองผู้หญิงคนนั้นเค้ารู้สึกตัวแล้วล่ะ ทำไมในใจฉันถึงรู้สึกแย่ๆนะ เพราะท่าทางของเขาดูไม่ค่อยสู้ดีเหรอ นี่คือความรู้สึกเหรอมันคืออะไรกันเรากำลังนั่งจ้องตากันแหละ ดวงตาของเค้าช่างสวยงามทำไมนะ ทำไมในตาดวงนั้นถึงดูไม่สดใสเหมือนครั้งแรกที่เจอเค้าหลบสายตาแล้วล่ะ อากาศที่นี่มันเป็นยังไงนะ ทำไมเค้าถึงดูไม่ค่อยดีเลยตอนนี้เรานั่งจ้องตากันอีกแล้ว รู้สึกไม่ค่อยเหมือนเดิมเลยแฮะเค้าเรียกว่าอะไรนะ อึดอัดเหรอถ้าฉันพูดอะไรออกไป แล้วเค้าจะดีขึ้นไหมนะ"หิวไหม" มันเป็นคำพูดที่แย่มากเลยแหละ เค้าต้องไม่ชอบแน่เลย"มีของที่คนกินได้ด้วยเหรอ" " "ชั้นไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี คิดไว้แล้วแหละว่ามันต้องแย่มากเลยมันฟังดูเหมือน ชั้นไม่ใช่มนุษย์...ทำไมใจถึงหวิวๆ สิ่งที่เค้าแสดงต่อเรามันคืออะไร ทำไมมันดูไม่เบิกบานเอาซะเลย เรียกว่าอะไรเหรอแล้วเมื่อไหร่ที่ราชินี จะเลิกถามตัวเองซักที ว่าความรู้สึกคืออะไร"ฮีซอล เธออยู่ไหน" ชั้นได้ยินเสียเค้าเรียก จึงรีบวิ่งไปที่ริมระเบียงชั้นไปยืนอยู่ข้างหน้าเค้า ตามปกติแล้วชั้นก็ไม่พูดอะไรอยู่แล้ว ใช้สายตาสื่อกันซะมากกว่า เพราะกลัวพูดออกไปแล้ว จะทำให้เค้าไม่ชอบ"ผมคิดว่า อย่างน้อย เราก็ไม่ควรนิ่งอยู่อย่างนี้ผมควรจะแก้ปัญหาของคุณ" คุณพูดอย่างนี้ หมายความว่าอยากจากชั้นไปเต็มทนแล้วใช่ไหมแจจุง____________บนนั้น บนดวงจันทร์ที่เหลืออร่ามนั่น มีกระต่ายมากมายกำลังวิ่งเล่นอยู่ใช่ไหม ถ้าได้ดูดวงจันทร์แบบนี้กับเค้าก็คงดีสินะมิเรนอนเอียงกายราบไปตามแนวเชิงเขา คนที่บอกว่าจะไปทำธุระส่วนตัว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เธอไม่ได้เป็นห่วงหรอกแค่ไม่อยากให้คนที่เป็นภาระของเธอมาถ่วงเวลาเข้าไปอีก"หายไปไหนนะ ยุนโฮ" ลมหนาวที่พัดมาทำให้ร่างบางเผลอหลับไปคนที่ถูกถามถึงก็ใช่ว่าจะไปไหนไกลหากแค่เธอลองสังเกตุสิ่งรอบข้างที่ถูกความมืดมิดบังไว้เธอคงจะเห็น เห็นมัน....ค่ำคืนที่ยาวนาน ใช่ว่าฤดูหนาวจะใกล้เข้ามาอาจจะเป็นเพราะว่าแถบนี้มันหนาวเย็นเลยทำให้กลางคืนนานกว่ากลางวันและค่ำคืนที่ยาวนานนั้น มันทำให้..........ร่างบางตื่นขึ้นจากความฝัน เธอหวังว่าจะเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ตัวเป็นๆตรงหน้า แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของมนุษย์ไม่หรอก!! มิเร นั่นมันแค่ความฝัน เธอฝันไปมิเรต่อไป คงต้องเริ่มที่จะปรับตัวแล้วล่ะมิเร ตอนนี้เธอไม่มีมนุษย์ผู้ชายที่ชื่อชองยุนโฮอยู่เป็นเพื่อนแล้วนะผมวิ่งหาเธอรอบปราสาท ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆคุ้นเคยสำหรับผมเลยแต่ยิ่งผมแก้ปัญหาได้เร็วเท่าไหร่มันคงจะดี ผมคงจะได้กลับไปแต่ปัญหาตอนนี้มันอยุ่ที่ตัวปัญหาน่ะสิ หายไปไหนแล้วผมวิ่งหาเธออย่างนี้อยู่หลายวัน นานมากกว่าผมจะเจอเธอก็ปราสาทนี่มันใหญ่มากเลยน่ะสิ ผมอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้วล่ะเธอก็เป็นคนน่ารักดีนะ ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้คุยกันก็เถอะวันนี้เธอจะทำกับข้าวให้ผมกินล่ะ แต่เธอคงลืมไป ความร้อนของเตาทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วน้ำก็หยดลงหัวเธอ เธอซื่อบื้อมากเลยล่ะน้ำหยดใส่หัวจนแฉะ แต่เธอก็ทำมันต่อไปส่วนอาหารของเธอน่ะเหรอ มัน เอ่อ มันแย่มากเลยล่ะผมต้องนั่งทำให้เธอใหม่ แต่เธอก็ไม่เหมือนคนที่อยู่แบบงอมืองอเท้าหรอกนะ นอกจากเรื่องครัวแล้วเรื่องอื่นเธอก็ชำนาญมากเลยล่ะวันนี้หิมะไม่ตก แต่คามหนาวก็ไม่จากไปผมชวนเธอออกมาสูดอากาศนอกตัวปราสาทบ้างเราเดินเล่นกันที่สวน มันจะสวยงามกว่านี้ถ้าสวนนี้ไม่มีแต่หิมะไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปอีกกี่วัน เธอก็ยังสง่าเช่นเดิม ฮีซอล...เพราะความผูกพันและใกล้ชิดเหรอ จึงทำให้ใจดวงนั้นเกือบจะลืมรักเก่าไป...ความรัก บางครั้งมันก็ไม่ต้องใช้เหตุผลมากนักหรอก แค่เพียงความรู้สึก แค่นั้นก็พอราชินีกับชายหนุ่มแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย ทั้งอาทิตย์นับวันได้ที่คำพูดถูกเอ่ยออกมาจากปากทั้งสอง ไม่ได้มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น แต่ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันกลับมีคุณค่ายิ่งกว่าเวลาที่เนิ่นนาน


For :: SnOwQueeN.... หัวใจที่หล่อเลี้ยงมาจากน้ำแข็ง....ความทรงจำที่ขาวโพลน....ความรักที่ว่างเปล่า....ชีวิตที่เดียวดาย...จะถูกไขจากการปิดตาย

อ้างอิงจากhttp://www.yimsiam.com/club/board/topicRead.asp?wbID=narai101&id=000327

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น